วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการวิจัย

คเวสนา ปรมา วิชชา
การวิจับนำมาซึ่งยอดแห่งความรู้
(Research leads to the summit of knowledge)
(สุชาติ โสมประยูร และวรรณี โสมประยูร,2547 : 81)

            ในการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์หรือสัตว์ เป็นประเด็นที่มีความยุ่งยากและความซับซ้อนในการแสวงหาข้อค้นพบเพื่อที่นำมาใช้ในการบรรยาย อธิบาย คาดคะเน หรือควบคุมมนุษย์หรือสัตว์ให้เกิดพฤติกรรมตามที่ต้องการ ดังนั้นมนุษย์จำเป็นจะต้องมี วิธีการที่จะนำมาใช้แสวงหาข้อมูลที่นำมาพิจารณาวิเคราะห์สังเคราะห์และประเมินค่าเพื่อหาข้อสรุป/องค์ความรู้ร่วมกัน
โดยที่ วิธีการในการแสวงหาความรู้ความจริงของมนุษย์ได้มีวิวัฒนาการต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนานโดยเริ่มต้นจากวิธีการที่ไม่มีระบบชัดเจน อาทิ การเชื่อไสยศาสตร์, การเชื่อผู้มีอำนาจ/หมอผี หรือการลองผิดลองถูก เป็นต้น จนกระทั่งได้ก้าวเข้าสู่ในปัจจุบันที่มนุษย์ได้พัฒนา วิธีการที่ค่อนข้างจะเป็นระบบที่ชัดเจน โดยได้นำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ทุกขั้นตอน โดยที่เรียก วิธีการนั้นว่า การวิจัย (Research)

            ในปัจจุบัน การวิจัยเป็นศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการและบุคคลทั่วไปในนานาอารยประเทศว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการนำมาใช้ดำเนินการแสวงหาข้อมูลหรือองค์ความรู้ตามจุดมุ่งหมายได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และมีความน่าเชื่อถือ และสามารถที่จะนำผลการวิจัยที่ได้รับไปใช้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาได้อย่างสอดคล้องความต้องการอย่างแท้จริง
            โดยเฉพาะในวงการศึกษาที่มีความเชื่อว่า การวิจัยเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยได้กำหนดให้บัณฑิตในการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา (แผน ก) ที่จะสำเร็จการศึกษาจะต้องปฏิบัติการวิจัย (งานวิทยานิพนธ์) ที่เป็นส่วนหนึ่งของการได้รับปริญญาในการศึกษาระดับมหาบัณฑิตหรือดุษฎีบัณฑิต และในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ..2542 มาตรา 30 ได้กำหนดว่าการปฏิบัติงานในวิชาชีพครูให้ครูผู้สอนได้ใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน

วิธีการทางวิทยาศาสตร์
1.      ความหมายของวิธีการทางวิทยาศาสตร์
            วิทยาศาสตร์ (Science) หมายถึง ความรู้ที่ได้โดยการสังเกตและค้นคว้าจากการประจักษ์ทางธรรมชาติ แล้วจัดเข้าเป็นระเบียบ (ราชบัณฑิตยสถาน,2546 : 1075) โดยที่วิทยาศาสตร์จะมีความแตกต่างจากสามัญสำนึก (Common Sense) (สิน พันธุ์พินิจ,2547:17 ; Kerlinger,1986 : 3-5)
ดังแสดงในตารางที่ 1.1

ตารางที่ 1.1 ความแตกต่างระหว่างวิทยาศาสตร์กับสามัญสำนึก
ลักษณะ
วิทยาศาสตร์
สามัญสำนึก
การเป็นระบบ
มีระเบียบแบบแผนตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ใช้ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง
การทดสอบทฤษฎีและสมมติฐาน
ทดสอบอย่างเป็นระบบและเชิงประจักษ์
ใช้ความนิยมเป็นเกณฑ์
การควบคุม
มีการควบคุมปรากฏการณ์หรือตัวแปร
ใช้ความคิดของตนเอง
การอธิบายปรากฏการณ์
อธิบายด้วยความระมัดระวังโดยใช้หลักความเป็นจริง
อ้างเหตุผลไม่ชัดเจน
การศึกษาความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์
มีระบบที่ชัดเจน มีการควบคุมทั้งสาเหตุและเหตุผล
ไม่มีระบบและการควบคุมตามทฤษฎี
ที่มา : Kerlinger,1986 : 5


            วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) เป็นวิธีการแสวงหาความรู้อย่างมีระเบียบแบบแผน มีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นระบบ มีการทดสอบข้อเท็จจริงใหญ่และข้อเท็จจริงย่อยมากกว่าการสมมติให้เป็นความจริง เป็นวิธีการที่จอห์น ดิวอี้ พัฒนาจากวิธีการนิรนัยของอริสโตเติล และวิธีอุปนัยของ ฟรานซิส เบคอน  แล้วจดบันทึกในหนังสือ มนุษย์คิดอย่างไร (How We Think)” ที่ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้ (Kerlinger,1986 : 11-13 : Best and Kahn,1998 : 5)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น